กู้เงินด่วน2566 แอปกู้เงินในปีหน้าจะใช้แอปไหนดี? กู้เงินด่วนไหนจะดีที่สุด

ใกล้จะสิ้นสุดปี 2565/2022 แล้ว ปีนี้ถือได้ว่ามีหลาย ๆ แอปกู้เงินหน้าใหม่เข้ามาให้บริการ และก็ต้องบอกว่าวงการเงินด่วนได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง แอปกู้เงินไม่ใช่เรื่องใหม่ และหลาย ๆ คนก็มีแอปกู้เงินติดมือถือ บ้างก็ 1 แอป บ้างก็มากกว่านั้นแล้ว

ในฐานะที่เราทำเว็บไซต์เกี่ยวกับแอปกู้เงินมาเข้าปีที่ 3 และก็เป็นผู้ใช้งานแอปกู้เงินมาอย่างยาวนาน ใช้มาหลายเจ้า จึงอยากลองสรุปภาพรวมปี 2565 และคาดเดาดูว่าทิศทางของปี 2566 จะเป็นอย่างไร จากประสบการณ์การเขียนในบทความลงเว็บไซต์นี้มาแล้วไม่น้อยกว่า 200 บทความเกี่ยวกับแอปกู้เงินโดยเฉพาะ!

แอปกู้เงินไม่ใช่เรื่องใหม่แล้ว

หากเป็นเมื่อปี 2018 – 2019 แอปกู้เงินถือเป็นอะไรที่ใหม่มาก และมีผู้ให้บริการอยู่ไม่กี่เจ้า เท่าที่เราพอจะนึกได้คือ เงินทันเด้อ , ห้าให้มันนี่ (ปัจจุบัน ฟินนิกซ์), Wealthi, Thailend (ยกเลิกการให้บริการไปแล้ว) ก็มีไม่กี่เจ้า แต่ถ้าให้ดูในปัจจุบัน ก็ต้องบอกว่ามีเกิน 10+ กว่าแอปที่เป็นแอปกู้เงินโดยตรง และมีแอปอื่น ๆ ที่เริ่มให้บริการกู้เงินได้ ไม่ว่าจะเป็น SCB Up จาก SCB Easy, SEasyCash จาก Shopee ฯลฯ

ผู้บริโภคจึงมีทางเลือกในการใช้งานแอปมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนดอกเบี้ยแอปกู้เงินถูกกฏหมายจะอยู่ที่ประมาณ 33 – 36% ต่อปี ตามดอกเบี้ยของนาโนไฟแนนซ์และพิโกไฟแนนซ์ ปัจจุบันลดเหลือเพียง 25% – 33% ต่อปีซึ่งเป็นดอกเบี้ยที่ดึงดูดใจ และใกล้จะใกล้เคียงกับสินเชื่อส่วนบุคคลเข้าไปทุกที

หลาย ๆ แอปจึงเริ่มทำได้มากกว่าแค่ขอกู้เงิน อย่าง Finnix เริ่มมีโปรโมชั่นร่วมกับร้านค้า เพื่อรับส่วนลดในการให้บริการกับร้านค้านั้น ๆ เริ่มมีระบบสะสมเหรียญ สะสมแต้มเพื่อรับส่วนลดดอกเบี้ย เริ่มมีอะไรที่จูงใจมากกว่าการกู้เงินได้เร็ว เพราะผู้บริโภคอย่างเรา ๆ นั้นก็มีตัวเลือกแอปกู้เงินให้เลือกเพิ่มมากขึ้นเยอะมาก การแค่กู้เงินได้จึงไม่ได้ดึงดูดใจเพียงพอต่อไปแล้ว

ธนาคารใหญ่ ๆ อาจมีแอปกู้เงินของตัวเอง

จากการคาดเดาอนาคตวงการเงินด่วนปี 2566 คิดว่าธนาคารใหญ่ ๆ จะลงมาเล่นตลาดกู้เงินด่วนผ่านแอปกันมากขึ้น ปัจจุบันเราเห็นแล้วว่ามี SCB ที่นอกจากจะมี SCB Up ในแอปตัวเอง ยังเป็นพันธมิตรกับแอปเงินด่วนถูกกฏหมายอย่าง เงินทันเด้อ และ Finnix อีกด้วย

หรือธนาคารกสิกรไทย ก็เริ่มเป็นพาร์ทเนอร์กับแอปอย่าง LINE BK, Dolfin รวมไปถึงก็ได้เริ่มมีเปิดให้ใช้บริการซื้อก่อนจ่ายทีหลังผ่านแอป K-PLUS ในชื่อบริการ K-PayLater ซึ่งถ้าว่าการตามตรงก็เป็นการให้กู้ยืมเงินทางอ้อมนั่นเอง

ไม่แน่ว่าในปีหน้าเราอาจจะได้เห็นธนาคารอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ลงมาเล่นในตลาดนี้เพิ่ม หรืออาจเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับแอปกู้เงินในตลาดที่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ในมุมผู้บริโภค ก็จะมีทางเลือกการกู้เงินมากขึ้น อาจจะแข่งขันกันที่ดอกเบี้ย หรือโปรโมชั่นเสริม ก็จะช่วยให้เราหาแอปถูกใจได้มากขึ้น

ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง อีกทางเลือกที่มาแรง

สำหรับบริการซื้อก่อน จ่ายทีหลังนั้น เอาเข้าจริงไม่ใช่เรื่องใหม่เลย หากย้อนไปในอดีต เราสามารถซื้อสินค้าจากบริษัทบางบริษัทด้วยการใช้บัตรประชาชนใบเดียวในการมัดจำ แล้วผ่อนสินค้ารายเดือนโดยไม่ต้องมีบัตรเครดิต ซึ่งราคาผ่อน บริษัทนั้น ๆ ก็จะรวมดอกเบี้ยเข้าไปด้วยแล้ว ราคาสินค้าอาจสูงขึ้น แต่ช่วยให้คนที่กำลังซื้อน้อยสามารถเป็นเจ้าของสินค้าได้ ก็เป็นตัวเลือกที่ดูจะวินวิน ทั้งสองฝ่าย

แต่ในปัจจุบัน บริการอย่าง ซื้อก่อน จ่ายทีหลัง ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ เหมือนในอดีต ด้วยการมาถึงของแอปต่าง ๆ การซื้อก่อนจ่ายทีหลัง จึงทำได้มากกว่านั้น เรียกได้ว่าเราสามารถซื้อก่อนจ่ายทีหลัง ผ่อนทีหลังได้กับทุก ๆ อย่างเลย อย่างในปีนี้แอปต่าง ๆ ที่ให้บริการผ่อนทีหลังได้ มีอะไรบ้าง ผ่อนอะไรได้บ้างก็ดูได้ตามนี้

  • Shopee PayLater – บริการผ่อนทีหลังสินค้าทุกอย่างใน Shopee วงเงินสูงสุด 100,000 บาท
  • Laz PayLater – ผ่อนทีหลังจาก Lazada ผ่อนสินค้าได้ทุกอย่างที่ร่วมรายการจาก Lazada เช่นกัน
  • Grab PayLater – ใช้จ่ายค่าเดินทาง เรียกรถ สั่งอาหาร จาก Grab ได้ก่อน แล้วผ่อนทีหลัง
  • Thisshop – แอปผ่อนสินค้า ที่แม้แต่นักศึกษาก็สมัครได้
  • Atome – ช้อปสินค้าแบรนด์ดังในห้าง และผ่อนทีหลังได้นานสูงสุด 3 เดือนแบบ ผ่อน 0%
  • Dolfin PayLater – ผ่อนทีหลัง เครือ Central
  • K-PayLater – ผ่อนทีหลังจาก กสิกร วงเงินสูงสุด 20,000 บาท ผ่อนได้จากร้านค้าที่รับ K-PayLater
  • Pay Next เงินติดมือ – จาก True ใช้ก่อนจ่ายทีหลังกับร้านค้าในเครือทรู
  • Pace Pay – ซื้อก่อนจ่ายทีหลังอีกเจ้า ที่ผ่อนได้นานสูงสุด 3 เดือน 0%

จะเห็นได้ว่ามีทั้งแบรนด์ใหม่ ๆ ผุดขึ้นมา หรือเจ้าที่มีการทำแอปช้อปปิ้ง แอปที่เราใช้งานเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว ก็ทำการเปิดให้มีบริการผ่อนทีหลังเพิ่มเติม เพราะบริการนี้ไม่ได้ช่วยแค่ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ให้เข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น แต่ยังช่วยให้ผู้ขายสามารถขายสินค้าได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย เพราะยังไงผู้ซื้อก็ต้องจ่ายเงินในก้อนเต็ม ๆ ส่วนผู้ให้บริการก็แบกรับความเสี่ยงในการเป็นคนให้เครดิตไปก่อน และก็ได้ชาร์จค่าดอกเบี้ยเอาไว้ โดยอาจจะมีตั้งแต่ดอกเบี้ย 0 – 25% ต่อปีเลยทีเดียว

แอปกู้เงินนอกระบบ ยังคงระบาด

แน่นอนว่า แอปกู้เงินนอกระบบ แอปผิดกฏหมาย ยังคงไม่หมดไปจากใน Google Play Store หรือ App Store ของ iPhone แน่แท้ และอาจจะมีเข้ามาอีกเรื่อย ๆ ซึ่งคิดว่าพอมันมีแอปพวกนี้มาเรื่อย ๆ ใครที่เคยเจอก็คงจะรู้วิธีรับมือเรียบร้อย ส่วนใครไม่เคยเจอก็อาจจะโดนหลอกอยู่ แต่พอทุกคนพูดถึงวิธีการรับมือเรื่อย ๆ คนก็จะรับมือได้มากขึ้น

ไม่ต่างจากเคสของ มิจฉาชีพโทรมาหลอกว่าเป็นตำรวจ หรือหลอกว่ามีพัสดุตกค้าง ที่ปัจจุบันนี้แม้จะยังมีระบาดอยู่ แต่ผู้บริโภคอย่าง เรา ๆ ต่างรู้ว่าจะรับมืออย่างไร จนมิจฉาชีพต้องหาวิธีใหม่ ๆ มาหลอกแทนแต่ก็ไม่ค่อยจะสำเร็จแล้วหละครับ เพราะผู้บริโภคมีภูมิแล้ว แอปกู้เงินก็เช่นกัน

นอกจากจะไม่โดนหลอกแล้วเนี่ย คนไทยหลาย ๆ คนยังแก้เผ็ดด้วยการบิดเงินกู้แอปจีน อีกด้วย บิดเงินกู้คืออะไร? ก็คือยืมเงินมาแล้วไม่คืนนั่นเอง ซึ่งถือได้ว่าแสบมาก จะไม่บอกแล้วกันครับว่าทำเช่นไร แต่ถ้าหาข้อมูลมาเจอบทความนี้ได้ คิดว่าหลาย ๆ คนก็คงหาวิธีบิดเงินกู้แอปจีนได้ นั่นก็เป็นวิธีแก้เผ็ดที่แสบสันเลยทีเดียว

กู้เงินได้เร็ว อาจไม่ใช่จุดขายอีกต่อไป

ที่ผ่านมาจุดขายของแอปกู้เงินคือ กู้ได้เร็ว ใน 30 นาที 10 นาที ในอนาคตคิดว่าตรงนี้อาจจะไม่ใช่จุดขายแล้ว อาจจะเป็นเรื่องปกติของการอนุมัติที่ต้องทำได้มากกว่า ฉะนั้นมาตรฐานของการกู้เงินผ่านแอปจากแต่ละแอปคงต้องดีขึ้นมาก ๆ และไปแข่งขันกันที่โปรโมชั่นอื่น ๆ แทน

นาโนไฟแนนซ์ กู้เงินต่างจังหวัด ก็จะมีแอปมากขึ้น

ไม่ใช่แค่แบรนด์ที่อยู่ในกทม. เท่านั้น จากนี้ไป บริษัทสินเชื่อที่ให้บริการกู้เงินในพื้นที่ ตจว. ก็อาจจะมีแอปกันเพิ่มมากขึ้น เราอาจจะเริ่มได้เห็นแล้วกับ เพื่อนแท้เงินด่วน เฮงลิสซิ่ง ที่มีแอปของตัวเอง ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน การกู้เงินจะเป็นเรื่องง่าย ๆ มากขึ้น

กู้เงินด่วน 2566 จะใช้แอปไหนดี?

ที่จริงแล้วคงต้องบอกไว้ว่า ไม่กู้เงินเลยจะดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบไหนก็ตาม การไม่เป็นหนี้เป็นลาภอันประเสริฐสุด ๆ แล้ว แต่หากมีความจำเป็นต้องใช้ แนะนำให้เลือกจากเหตุผลดังต่อไปนี้

  1. ดอกเบี้ยเป็นอย่างไร (ยิ่งถูกยิ่งดี)
  2. วงเงินที่ได้เป็นเท่าไหร่ ครอบคลุมความต้องการใช้เงินฉุกเฉินไหม
  3. ใช้งานง่ายแค่ไหน สมัครยากไหม ต้องมีอะไรเป็นพิเศษก่อนสมัครหรือเปล่า ( แอปเพิ่มเติม หรือต้องมีบัญชีธนาคารที่ไหนหรือเปล่า)
  4. มีระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยนานเท่าไหร่
  5. โปรโมชั่นอื่น ๆ เพิ่มเติม

เช็คแค่ 5 ข้อนี้ครับ สำหรับการเลือกแอปเงินด่วนด้วยตัวเอง โดยหากอยากเลือกแอปโดยที่ไม่ต้องปวดหัว เจอแอปเงินเถื่อน ดูได้จากบทความต่อไปนี้

ย้ำกันอีกทีว่าการกู้เงินผ่านแอปนี้จะตอบโจทย์สำหรับวงเงินระยะสั้นประมาณ หลักร้อย – หลักแสน ถ้ากู้เยอะ ๆ หลักแสนขึ้นไป ยังไงก็แนะนำให้กู้ตรงกับธนาคารจะดีที่สุด เดี๋ยวนี้ก็สมัครง่ายและทำเรื่องยื่นขอสินเชื่อเบื้องต้นได้จากในแอปธนาคารเช่นกัน ลองค้นหาเมนูสินเชื่อในแอปของแต่ละธนาคารดูก่อนนะครับ ดอกเบี้ยถูกกว่ากันมาก ช้าหน่อย แต่ปลอดภัยและดอกเบี้ยถูกครับ การกู้เงินนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าดอกเบี้ยถูกแล้ว

เพราะดอกเบี้ยแพงความเสี่ยงก็สูงขึ้น มันมีหลายครั้งในชีวิตเราที่อะไร ๆ ไม่เป็นไปตามแผน ถ้าเลือกอะไรที่ดีที่สุดได้ในจังหวะนั้น ก็เลือกเอาไว้ก่อน ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่าตามแก้ครับ อย่างแย่ที่สุดเลวร้ายที่สุดคงไม่มี เพราะถ้าหากเกิดอะไรแบบโควิดขึ้นมาอีก ทางธนาคารหรือแอปต่าง ๆ ก็คงมีมาตรการผ่อนปรนสินเชื่อ ให้กับผู้บริโภคอยู่แล้ว เพราะไม่งั้นเราจะหาเงินที่ไหนมาจ่ายได้ในยามที่เราลำบากจริง ๆ จริงไหมครับ

คนขอกู้เงินไม่ได้อยากหนีอยู่แล้ว แค่มีความจำเป็นต้องใช้เงินในตอนนั้นแล้วมันไม่มีทางออกเลยต้องมากู้ ฉะนั้นพวกเราหาทางหาเงินคืนได้แน่นอนครับ

นี่ก็เป็นการคาดการณ์ทิศทางวงการเงินด่วน2566 เอาไว้ปีหน้าเราจะกลับมาอัพเดทบทความนี้ใหม่ ว่าทิศทางจะเป็นเช่นไร เราเดาอะไรถูกผิดบ้าง อย่างไรก็ตามขอให้โชคดีไม่มีหนี้ หรือมีแล้วมีไม่นานนะครับ

Leave a Reply

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *